เมนู

องค์ผู้เดียว ขอพระองค์ทรงรับเอาทรัพย์นั้นไว้เถิด. พระเจ้าสุทัสสนะตรัสตอบ
ว่า อย่าเลยท่าน สมบัติของฉันนี้ ที่เก็บภาษีอย่างเป็นธรรมมามากพอแล้ว
ทรัพย์นั้นจงเป็นของพวกท่านเถิด และขอให้พวกท่านช่วยนำเอาออกจากนี้
คนละมาก ๆ ไปด้วย. พวกเขาถูกพระราชาทรงปฏิเสธแล้ว ก็พากันหลีกไป
หาที่ส่วนหนึ่ง ปรึกษากันอย่างนี้ว่า การที่พวกเราขนเอาสมบัติเหล่านั้นกลับ
ไปเรือนของตนอีกครั้งหนึ่งแบบนี้ ไม่เหมาะแก่พวกเราเลย เอาอย่างนี้เถิด
คือพวกเราช่วยกันสร้าง พระราชวังถวายพระเจ้ามหาสุทัสสนะเถิด. แล้วพวก
นั้นก็เข้าเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ กราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเดชะ พวกข้าพระ-
พุทธเจ้าต้องให้สร้างพระราชวังถวายแด่พระองค์. อานนท์ พระเจ้ามหา
สุทัสสนะ ทรงรับด้วยความนิ่งแล้วแล.

เรื่องท้าวสักกะให้สร้างปราสาทประทับ



[177] อานนท์ ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะ จอมทวยเทพ ทรงทราบ
ความดำริในพระหฤทัยของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ด้วยพระหฤทัย แล้วทรง
เรียกวิศวกรรมเทพบุตรมาสั่งว่า เออ นี่ วิศวกรรมจงมา เธอจงไปสร้าง
พระราชวัง ชื่อ ธรรมปราสาท ถวายแด่พระเจ้ามหาสุทัสสนะเถิด อานนท์
วิศวกรรมเทพบุตรรับเทวบัญชาของท้าวสักกะจอมทวยเทพว่า อย่างนั้น ขอ
ความเจริญจงมีแด่พระองค์เถิด แล้วก็หายจากหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ มาปรากฏ
เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ รวดเร็วเหมือนคนมีกำลังเหยียด
แขนที่คู้เข้าออก หรือคู้แขนเหยียดออกเข้าฉะนั้น. อานนท์ ทีนั้น วิศวกรรม
เทพบุตร ได้กราบทูลพระเจ้ามหาสุทัสสนะอย่างนี้ว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า
จักสร้างพระราชวังชื่อธรรมปราสาทแด่พระองค์. อานนท์ พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะทรงรับด้วยการนิ่งแล้วแล. อานนท์ วิศวกรรมเทพบุตร สร้าง

ธรรมปราสาทถวายแด่พระเจ้ามหาสุทัสสนะแล้ว. อานนท์ ธรรมปราสาทยาว
ไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก หนึ่งโยชน์ กว้างไปทางทิศเหนือ และ
ทิศใต้ กึ่งโยชน์. อานนท์ วัสดุที่เอามาก่อสร้างธรรมปราสาทสูงกว่า 3 ชั่วคน
ด้วยอิฐ 4 ชนิด คือเป็นอิฐทองพวกหนึ่ง อิฐเงินพวกหนึ่ง อิฐไพฑูรย์พวก
หนึ่ง อิฐผลึกพวกหนึ่ง. อานนท์ ธรรมปราสาทมีเสา 84,000 ต้น แบ่ง
เป็น 4 ชนิด คือ เป็นเสาทองชนิดหนึ่ง เสาเงินชนิดหนึ่ง เสาไพฑูรย์ชนิด
หนึ่ง เสาผลึกชนิดหนึ่ง. อานนท์ ธรรมปราสาทปูกระดาน 4 สี คือ กระดาน
ทองสีหนึ่ง กระดานเงินสีหนึ่ง กระดานไพฑูรย์หนึ่ง กระดานผลึกสีหนึ่ง.
อานนท์ ธรรมปราสาทมี 24 บันได แบ่งเป็น 4 ชนิด คือบันไดทองหนึ่ง
บันไดเงินหนึ่ง บันไดไพฑูรย์หนึ่ง บันไดผลึกหนึ่ง. สำหรับบันไดทองมีแม่
บันไดสำเร็จไปด้วยทอง ลูกบันได และพนัก แล้วไปด้วยเงิน. บันไดเงินมี
แม่บันไดเป็นเงิน ขั้นและพนักบันไดเป็นทอง. บันไดไพฑูรย์มีแม่บันไดล้วน
แล้วไปด้วยไพฑูรย์ ขั้นและพนักบันไดเป็นผลึก. บันไดผลึกมีแม่บันไดเป็น
ผลึก ขั้นและพนักบันไดล้วนแล้วไปด้วยไพฑูรย์. อานนท์ ในธรรมปราสาท
มีเรือนยอด 84,000 ยอด แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ ยอดหนึ่งเป็นทอง ยอด
หนึ่งเป็นเงิน ยอดหนึ่งเป็นไพฑูรย์ ยอดหนึ่งเป็นผลึก. ที่เรือนยอดทอง
ตั้งบัลลังก์เงินไว้. บัลลังก์ทอง ตั้งไว้ที่เรือนยอดเงิน. ที่เรือนยอดไพฑูรย์
ตั้งบัลลังก์งาช้างไว้. บัลลังก์บุษราคำ ตั้งไว้ที่เรือนยอดผลึก. ใกล้ประตูเรือน
ยอดทอง ประดิษฐานตาลเงินไว้ ลำต้นแล้วไปด้วยเงิน ใบและผลเป็นทอง.
ใกล้ประตูเรือนยอดเงิน ประดิษฐานตาลทองไว้ลำต้นแล้วไปด้วยทอง ใบและ
ผลเป็นเงิน. ใกล้ประตูเรือนยอดไพฑูรย์ ประดิษฐานตาลผลึกไว้ ลำต้นแล้ว
ไปด้วยผลึก ใบและผลเป็นไพฑูรย์. ใกล้ประตูเรือนยอดผลึก ประดิษฐาน
ตาลไพฑูรย์ไว้ ลำต้นล้วนแล้วไปด้วยไพฑูรย์ ใบและผลเป็นผลึก.

กถาว่าด้วยการสร้างธรรมปราสาท



[178] อานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีพระดำริ
อย่างนี้ว่า ถ้ากระไร เราพึงให้สร้างป่าตาลที่แล้วไปด้วยทองทั้งหมด ใกล้
ประตูเรือนยอดหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่เรานั่งพักผ่อนตอนกลางวัน. อานนท์
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงให้สร้างป่าตาลที่แล้วไปด้วยทองทั้งหมด ใกล้ประตู
เรือนยอดหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ประทับนั่งพักผ่อนตอนกลางวันแล้ว.
อานนท์ ธรรมปราสาทแวดล้อมไปด้วยไพทีสองชั้น คือชั้นหนึ่งแล้วไปด้วย
ทอง อีกชั้นหนึ่ง แล้วไปด้วยเงิน. แม่บันไดของไพทีที่แล้วไปด้วยทอง
ก็สำเร็จไปด้วยทอง ขั้นและพนักสำเร็จไปด้วยเงิน. แม่บันไดของไพทีที่แล้วไป
ด้วยเงิน ก็สำเร็จไปด้วยเงิน ขั้นและพนักเอาทองมาทำ. อานนท์ ธรรมปราสาท
แวดล้อมไปด้วยข่าย ลูกกระพรวนสองข่าย คือข่ายหนึ่งเป็นข่ายทอง อีกข่าย
หนึ่งเป็นข่ายเงิน. ข่ายทอง แขวนกระดึงเงิน. ข่ายเงิน แขวนกระดึงทอง.
อานนท์ เมื่อข่ายกระดึง เหล่านั้นแล ถูกลมพัด ก็มีเสียงไพเราะน่าใคร่
ทำให้คึกคักและน่าหลงใหลด้วย. อานนท์ เสียงดนตรีมีองค์ 5 ที่นักดนตรี
ผู้ฉลาดปรับดีแล้ว ประโคมดีแล้ว บรรเลงดีแล้ว เป็นเสียงไพเราะน่าใคร่
ทำให้คึกคัก และชักให้หลงใหล แม้ฉันใด อานนท์ เมื่อข่ายกระดึง เหล่า
นั้นแลถูกลมพัด ก็มีเสียงไพเราะน่าใคร่ ทำให้คึกคักและชักให้หลงใหล
ฉันนั้นเหมือนกัน. อานนท์ ก็ส่วนพวกนักเลง นักเล่น พวกนักดื่มคอเหล้า
แห่งกรุงกุสาวดี สมัยนั้น ต่างพากันคลอเสียงตามเสียงข่ายกระดึง ที่ถูกลมพัด
เหล่านั้น. อานนท์ ธรรมปราสาทที่สร้างแล้วนั่นแล เพ่งดูไม่ได้ ทำให้
ตาพร่า. เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสู่นภาบนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆฝน
บริสุทธิ์ ส่องจ้าในสรทสมัยเดือนท้ายฤดูฝน เพ่งดูไม่ได้ทำให้ตาพร่า ฉันใด
ธรรมปราสาทก็ฉะนั้นเหมือนกัน ยากที่จะดู ย่อมทำนัยน์ตาให้พร่าพราย.